วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2550

สอวน.เคมี 2550

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2550 เป็นวันสอบสอวน.เคมี (ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://www.posn.or.th/)
ผมเดินทางไปโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ซึ่งเป็นศูนย์สอวน.เคมี ไปถึง ประมาณ 7.30 น. แล้วก็ไปดูห้องสอบ จากนั้นผมก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โรงอาหาร จนมีเพื่อนมาทัก แล้วก็คุยกับเพื่อนจนใกล้เวลาสอบ ผมก็ไปยังห้องสอบ
เริ่มสอบเวลา 9.00 น. มีข้อสอบ 40 ข้อ เวลา 2 ชั่วโมง ผมทำข้อสอบไปเรื่อย ๆ ได้ประมาณ 30 ข้อในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นผมก็คิดว่า เห็นจะมีเวลาทวนคำตอบได้อีก แต่ว่าข้อสอบ 10 ข้อสุดท้าย (โดยประมาณ) เป็นข้อสอบปริมาณสัมพันธ์ซึ่งแต่ละข้อนั้น เขาให้สมการเคมีมา 3-4 สมการ และต้องใช้เวลาคำนวณอยู่นานมาก ประมาณ 40 นาที ผมทำมาเรื่อย ๆ จนเสร็จ เหลือเวลาอีกประมาณ 10 นาที (ไม่รู้บวกลบกันยังไง) ก็ทบทวนได้อีกสักพักหนึ่ง รู้สึกว่าเปลี่ยนคำตอบไป 1 ข้อ หมดเวลาสอบเวลา 11.00 น.
ผมออกมาตอนหมดเวลาพอดี พร้อม ๆ กับคนอีกหลายคน ก็การสอบสอวน.เคมีก็จบลงเพียงเท่านี้

สอวน.ฟิสิกส์ 2550

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2550 ผมไปสอบ สอวน. วิชาฟิสิกส์ (ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม http://www.posn.or.th/)
ในวันสอบ ผมก็ไปที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งเป็นศูนย์สอบสอวน.ฟิสิกส์ กำหนดการบอกว่าสอบเวลา 9.00 น. แต่ในใบสมัครเขาก็ให้ไปถึงที่สอบก่อนเวลา 7.30 น. ซึ่งผมก็คิดว่าจะให้มาแต่เช้าทำไม เพราะมาถึงก็ไม่มีอะไรทำตั้งประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ผมมาถึงตอนสนามสอบเวลา 7.30 น.พอดี แล้วจึงมาดูห้องสอบ เสร็จแล้วก็มานั่งเล่นอยู่ที่โรงอาหารหอประชุม จนเวลาประมาณ 8.30 น.ก็ขึ้นไปยังห้องสอบ
ผมไปนั่งรออยู่หน้าห้องสักครู่หนึ่ง อาจารย์คุมสอบก็เรียกเข้าห้องสอบ แล้วชี้แจงกติกาการสอบต่าง ๆ
เวลา 9.00 น.ผมก็เริ่มทำข้อสอบ ข้อสอบมี 10 ข้อ ให้เวลาสอบ 3 ชั่วโมง ผมทำไปแค่ 1 ชั่วโมงก็มีคนเดินออกจากห้องสอบแล้ว ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำเสร็จแล้ว หรือว่าเขาทำไม่ได้ ผมทำต่อไปอีกจนถึงประมาณ 11.00 น.ซึ่งตอนนั้นก็มีคนออกจากห้องสอบจนเหลือน้อยกว่าครึ่งห้องไปแล้ว ผมเดินลงมาก็เจอกับเพื่อนจึงคุยกันเรื่องข้อสอบ ก็พบว่าผมผิดไปจำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังมีโอกาสลุ้นว่าผมจะมีโอกาสติดรอบอยู่ได้บ้าง
เวลา 12.00 น. ก็หมดเวลาสอบ ในห้องสอบนั้นแทบจะไม่มีคนเหลืออยู่แล้ว
เป็นอันว่าวันสอบสอวน.ฟิสิกส์วันนี้ก็จบลง จะมีประกาศผลสอบในวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550 ก็คอยลุ้นกันดูละกันนะครับ

สสวท. คณิตศาสตร์ รอบ 2

เมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 25-26 สิงหาคม 2550 ผมไปสอบสสวท.คณิตศาสตร์ รอบที่ 2 มา ซึ่งผมก็เห็นว่าน่าจะนำมาเล่าให้คนอื่น ๆ ได้ฟังกันด้วย (ถ้าใครอยากรู้เกี่ยวกับสสวท. สามารถศึกษาได้ที่ www.ipst.ac.th )
ก่อนจะสอบสสวท.ครั้งนี้ ทางโรงเรียนของผมก็ได้จัดติวให้สำหรับคนที่มีสิทธิเข้าสอบรอบสอง สาขาคณิตศาสตร์ก็มีเพื่อนร่วมห้องของผมมาร่วมติวด้วย 5-6 คน และมาเป็นผู้ติวด้วยก็มี ผมก็เข้าติวทุกครั้งประมาณ 5 วันตอนหลังเลิกเรียน ซึ่งผมก็พอเห็นแนวข้อสอบแล้ว และพอเห็นอนาคตของตัวเองแล้วด้วย (เพราะว่าทำไม่ค่อยได้เลย)

เมื่อวันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม 2550 ผมตื่นประมาณ 6.40 น. อาบน้ำแต่งตัว แล้วกินข้าว ออกจากบ้านตอน 7.30 น. เดินทางไปสอบที่ศูนย์ของสสวท.เลย ตรงใกล้ ๆ ท้องฟ้าจำลอง ไปทางรถไฟฟ้าถึงตอนประมาณ 8.00 น. เผอิญผู้ปกครองไม่อยู่บ้าน ไปต่างจังหวัดผมก็เลยต้องไปเอง พอลงมาจากรถไฟฟ้าก็เริ่มหลงทางได้ทันที แต่เห็นนักเรียนคนหนึ่งลงจากรถไฟฟ้าเหมือนกัน ผมก็เลย assume ว่าเขาไปสอบสสวท.เหมือนกับผม ผมจึงเดินตามเขาไป และในที่สุดผมก็เดินตามเขามาเรื่อย ๆ ซึ่งเขาก็เดินมายังที่สอบจริง ๆ ด้วย ผมจึงถึงสถานที่สอบได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีอุปสรรคใด ๆ
มาถึงที่สอบยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ผมก็นั่งในที่ที่เขาจัดไว้ให้นั่งพัก (ซึ่งก็ดูคล้าย ๆ ที่สำหรับกินข้าวสำหรับพนักงานที่สสวท. แถมยังติดแอร์อีกด้วย แต่ตอนที่ไปนั้นยังไม่เปิดแอร์) ผมก็นั่งลงแถวนั้นเห็นนักเรียนนั่งอยู่เต็มห้อง แต่มองไปไม่เจอเพื่อนสักคนเดียว ผมก็หาที่นั่งอ่านหนังสือทบทวนก่อนสอบ อ่านได้ไม่นานนักเพื่อนคนหนึ่งก็เดินเข้ามา แล้วเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ แล้วเพื่อน ๆ ก็หลั่งไหลกันเข้ามา จนเวลาประมาณ 8.40 น.ผู้คุมสอบก็เรียกเข้าห้องสอบ
ห้องสอบอยู่ที่ชั้น 5 ผมขึ้นลิฟท์ไปชั้น 4 (ด้วยความขี้เกียจเดิน) แล้วเดินผ่านทางเชื่อมระหว่างตึกไปยังตึกสอบ แล้วเดินขึ้นบันไดอีกหนึ่งชั้น ระหว่างทางขึ้นบันไดนี้นี่เอง ผมได้เห็นการต้อนรับนักเรียนด้วยกองวัสดุก่อสร้างกองอยู่ตลอดแนวบันได ผมก็ประหลาดใจนิดหน่อยว่า ใช่ที่สอบแน่หรือไม่ แต่ก็เห็นนักเรียนทุกคนก็เดินมาด้วยกันก็ไม่ได้กังวลมาก เดินต่อมาไม่นานก็ถึงห้องสอบ เมื่อผมก้าวเข้าไปในห้องสอบก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอย่างผิดสังเกตุ เพราะในห้องสอบนี้ทุกคนจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นสีที่เหมือนเพิ่งทาเสร็จใหม่ ๆ จนต้องเปิดหน้าต่างให้กลิ่นจางลง ...สสวท.ช่างให้ความสำคัญกับการสอบของผมเสียจริง ถึงกับเตรียมห้องใหม่ไว้ให้สอบ และรู้สึกเหมือนว่าจะติดกระจกที่ข้างในกับข้างนอกมองไม่เห็นกัน (เพื่อไม่ให้นักเรียนทุจริตประมาณนี้กระมัง) ผมเมื่อวางกระเป๋าที่ห้องสอบแล้วก็ลงไปเข้าห้องน้ำที่ชั้น 4 เข้าไปจะเห็นมีกั้นห้องเหมือนห้องน้ำทั่ว ๆ ไปผมก็เปิดเข้าไปเหมือนปกติ แต่กลับไม่มีโถส้วม ...มารู้ว่าเป็นห้องอาบน้ำ ส่วนห้องน้ำมีประตูเชื่อมกับห้องอาบน้ำ เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จจึงกลับไปยังห้องสอบ ผู้คุมสอบก็เรียกให้ไปเซ็นต์ชื่อเข้าสอบ เสร็จแล้วผมก็ไปนั่ง(ทำสมาธิ) สักพักผู้คุมสอบก็เดินแจกเข็มกลัดมีตราของ IMSO (International Mathematical and Science Olympiad) แล้วถามว่ามีใครไ่ม่ได้นำไม้โปรแทรกเตอร์หรือวงเวียนมาบ้าง แล้วเมื่อเห็นนักเรียนกว่าึครึ่งห้องยกมือขึ้นมา ผู้คุมสอบก็พูดออกมาว่า "ตายแล้ว มาสอบเลขแต่ไม่มีวงเวียนได้ยังไง" เสร็จแล้วก็ไปนำไม้โปรแทรกเตอร์และวงเวียนมาแจก แล้วผู้คุมสอบอีกคนก็เริ่มแจกข้อสอบ เวลา 9.00 น.

ข้อสอบมี 2 ตอน ตอนที่ 1 เป็นเติมคำตอบ 5 ข้อ ข้อละ 4 คะแนน ตอนที่ 2 เป็นแสดงวิธีทำ(หรือวิธีพิสูจน์) 5 ข้อ ข้อละ 8 คะแนน ซึ่งผมก็ทำไม่ค่อยได้ (ประมาณ 50 %) หมดเวลาสอบตอน 12.00 น. ผมก็เดินออกจากห้องสอบมาพูดคุยกับเพื่อนว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง (ผู้คุมให้วางไม้โปรแทรกเตอร์ที่แจกไว้ที่โต๊ะสอบพรุ่งนี้จะได้ใช้ได้ ความจริงสามารถขโมยไม้โปรฯกลับบ้านได้)เสร็จแล้วก็ไปหาที่กินข้าวเที่ยง ไปเจอโรงอาหารของสสวท.ผมก็เข้าไปกิน สั่งข้าวหมูกระเทียมจานละ 25 บาท ...นั่งกินข้าวคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว เสร็จแล้วก็นั่งรถไฟฟ้ากลับมาบ้าน
กลับมาที่บ้าน ผมก็พยายามมาฝึกทำโจทย์คณิตศาสตร์ แต่ว่าตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ไม่มีสมาธิทำเลย (ก็เครียดอยู่ในห้องสอบตั้ง 3 ชั่วโมง บวกกับที่เครียดมาตั้งแต่ก่อนสอบแล้ว) ผมก็เลยคิดว่ามาหาวิธีลดความเครียดก่อนดีกว่า เพื่อพรุ่งนี้จะได้ทำข้อสอบได้อย่างเต็มที่ แต่ว่า โอ้การบ้านภาษาอังกฤษสั่งเมื่อวาน (วันศุกร์) แต่ให้ส่งวันจันทร์ ซึ่งวันพรุ่งนี้ (วันอาทิตย์) มีเรียนพิเศษถึงเย็น คงไม่มีเวลาทำแล้ว(+ตอนนั้นจะเป็นช่วงที่ขี้เกียจที่สุด) ก็เลยต้องทำการบ้านก่อนสักชั่วโมงกว่า ๆ ได้ เสร็จแล้วผมก็เลยมานั่งดูโทรทัศน์ (ความจริงนอนดู)
เปิดมาเจอภาพยนตร์เรื่องหนึ่งทาง UBC ซึ่งก็จำไม่ได้ว่าเป็นเรื่องอะไร ผมก็นอนดูจนจบเรื่อง ได้สัก 1 ชั่วโมง (เพราะเปิดมาดูตอนครึ่งเรื่องแล้ว) แล้วก็หารายการอื่นดูไปตลอดจน 19.30 น.ก็มาจัดการความเรียบร้อย เตรียมอุปกรณ์สำหรับวันพรุ่งนี้ ต่าง ๆ นานาแล้วก็พยายามฝืนอ่านหนังสืออีกนิดหน่อยก่อนนอน นอนประมาณ 20.30 น.

ผมตื่นมาในวันอาทิตย์ด้วยเวลาเดียวกับเมื่อวานเป๊ะ ถึงที่สอบเวลาเดิมด้วย แต่วันนี้เจอเพื่อนเร็ว เราจึงชวนไปกินข้าวที่โรงอาหาร เสร็จประมาณ 8.35 น.แล้วก็ขึ้นห้องสอบ ไปนั่งเล่นหน้าห้องน้ำนิดหน่อย แล้วก็ขึ้นห้องสอบ กระบวนการต่าง ๆ เหมือนกับเมื่อวาน
เวลา 9.00 น.ผู้คุมแจกข้อสอบ วันนี้เป็นข้อสอบแสดงวิธีทำ 6 ข้อ ข้อละ 10 คะแนน ซึ่งวันนี้ผมทำได้ย่ำแย่มาก แถมยังรู้ตัวด้วยว่าไม่มีสมาธิในการทำข้อสอบ ทำให้สะเพร่าไปหลายข้อ ไม่รู้ว่าจะถึง 30% หรือเปล่า เสร็จแล้วก็กินข้าวที่เดิม แล้วก็เดินออกมาจากศูนย์สสวท. เป็นอันว่าจบภารกิจการไปสอบสสวท.คณิตศาสตร์ แต่เพียงเท่านี้
สสวท. จะประกาศผลวันที่ 13 กันยายน 2550 ตอนนี้ผมก็กำลังลุ้นว่าจะติดรอบนี้รึเปล่า ...ความจริงตอนนี้ก็เริ่มทำใจได้แล้วว่าโอกาสติดก็ยากเหมือนกัน แต่ก็ยังมีความหวัง(อันลิบหรี่)อยู่บ้าง เพราะคะแนนที่ผมคาดว่าจะได้นั้น อยู่แถว ๆ เขตแบ่งระหว่างคนผ่านเข้ารอบต่อไปกับคนตก
เอาละครับ คาดว่าทุก ๆ คนคงจะได้รับรู้ประสปการณ์ในการสอบ สสวท. ของผมไปบ้าง ถ้าใครสนใจก็สามารถสมัครเข้าทดสอบได้นะครับ (ของผมระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ถ้าเกินจาก ม.ปลาย ผมไม่แน่ใจว่ามีให้สมัครรึเปล่า)

นิราศนรินทร์

เนื่องจากในขณะนี้ผมกำลังเรียนภาษาไทยเรื่อง นิราศนรินทร์ ซึ่งผมอ่านแล้วเห็นว่าเป็นโคลงนิราศที่แต่งได้ดีมาก ๆ จึงอยากให้คนอื่น ๆ ได้รับรสความไพเราะของบทประพันธ์นี้ด้วย
นิราศนรินทร์คำโคลง ประพันธ์โดยนายนรินทรธิเบศร์ ได้รับยกย่องว่าเป็นสุดยอดของโคลงนิราศ สันนิษฐานว่าแต่งเมื่อนายนรินทรธิเบศร์ ซึ่งเป็นมหาดเล็กหุ้มแพรในสมัย ร.๒ ตามเสด็จสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ซึ่งทรงยกทัพไปปราบพม่าที่ยกมาตีเมืองถลางและเมืองชุมพร เมื่อพ.ศ. ๒๓๕๒ บทประพันธ์ส่วนที่นำมานั้นได้ตัดบางบททิ้ง จาก ร้อยกว่าๆ บท เหลือ ๑๘ บท

นิราศนรินทร์
๑. ศรีสิทธิ์พิศาลภพ เลอหล้าลบล่มสวรรค์ จรรโลงโลกกว่ากว้าง แผนแผ่นผ้างเมืองเมรุ ศรีอยุธเยนทร์แย้มฟ้า แจกแสงจ้าเจิดจันทร์ เพียงรพิพรรณผ่องด้าว ขุนหาญห้าวแหนบาท สระทุกข์ราษฎร์รอนเสี้ยน ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า ราญราบหน้าเภริน เข็ญข่าวยินยอบตัว ควบค้อมหัวไหว้ละล้าว ทุกไทน้าวมาลย์น้อม ขอออกอ้อมมาอ่อน ผ่อนแผ่นดินให้ผาย ขยายแผ่นฟ้าให้แผ้ว เลี้ยงทแกล้วให้กล้า พระยศไท้เทิดฟ้า เฟื่องฟุ้งทศธรรม ท่านแฮ
๒. อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤๅ
สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร เจิดหล้า
บุญเพรงพระหากสรรค์ ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
บังอบายเบิกฟ้า ฝึกฟื้นใจเมือง
๓. เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแสง
รินรสพระธรรมแสดง ค่ำเช้า
เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า แก่นหล้าหลากสวรรค์
๔. โบสถ์ระเบียงมณฑปพื้น พันแสง
ธรรมาสน์ศาลาลาน พระแฟ้ว
หอไตรระฆังขาน ภายค่ำ
ไขประทัปโคมแก้ว ก่ำฟ้าเฟือนจันทร์
๘. จำใจจากแม่เปลื้อง ปลิดอก อรเอย
เยียวว่าแดเดียวยก แยกได้
สองซีกแล่งทรวงตก แตกภาค ออกแม่
ภาคพี่ไปหนึ่งไว้ แนบเนื้อนวลถนอม
๑๐. โฉมควรจักฝากฟ้า ฤๅดิน ดีฤๅ
เกรงเทพไท้ธรณินทร์ ลอบกล้ำ
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน บนเล่า นะแม่
ลมจะชายชักช้ำ ชอกเนื้อเรียมสงวน
๑๑. ฝากอุมาสมรแม่แล้ ลักษมี เล่านา
ทราบสวยมภูวจักรี เกลื้อกใกล้
เรียมคิดจบจนตรี โลกล่วง แล้วแม่
โฉมฝากใจแม่ได้ ยิ่งด้วยใครครอง
๒๒. จากมามาลิ่งล้ำ ลำบาง
บางยี่เรือราพลาง พี่พร้อง
เรือแผงช่วยพานาง เมียงม่าน มานา
บางบ่รับคำคล้อง คล้องน้ำตาคลอ
๓๗. บ้านบ่อน้ำบกแห้ง ไป่เห็น
บ่อเนตรคงชังเป็น เลือดไล้
อ้าโฉมแม่แบบเบญ- จลักษณ์ เรียมเอย
มาซับอัสสุชลให้ พี่แล้วจักลา
๔๑. เห็นจากจากแจกก้าน แกมระกำ
ถนัดระกำกรรมจำ จากช้า
บาปใดที่โททำ แทนเท่า ราแม่
จากแต่คาบนี้หน้า พี่น้องคงถนอม
๔๕. ชมแขคิดใช่หน้า นวลนาง
เดือนตำหนิวงกลาง ต่ายแต้ม
พิมพ์พักตร์แม่เพ็ญปราง จักเปรียบ ใดเลย
ขำกว่าแขไขแย้ม ยิ่งยิ้มอัปสร
๑๑๘. ถึงตระนาวตระหน่ำซ้ำ สงสาร อรเอย
จรศึกโศกมานาน เนิ่นช้า
เดินดงท่งทางละหาน หิมเวศ
สารสั่งทุกหย่อมหญ้า ย่านน้ำลานาง
๑๒๒. พันเนตรภูวนาถตั้ง ตาระวัง ใดฮา
พักตร์สี่แปดโสตฟัง อื่นอื้อ
กฤษณนิทรเลอหลัง นาคหลับ ฤๅพ่อ
สองพิโยคร่ำรื้อ เทพท้าวทำเมิน
๑๓๔. นทีสี่สมุทรม้วย หมดสาย
ติมิงคล์มังกรนาคผาย ผาดส้อน
หยาดเหมพิรุณหาย เหือดโลก แล้งแม่
แรมราคแสนร้อยร้อน ฤเถ้าเรียมทน
๑๓๘. ลมพัดคือพิษต้อง ตากทรวง
หนาวนอกรุมในดวง จิตช้ำ
โฉมแม่พิมลพวง มาเลศ กูเอย
มือแม่วีเดียวล้ำ ยิ่งล้ำลมพาน
๑๓๙. เอียงอกเทออกอ้าง อวดองค์ อรเอย
เมรุชุบสมุทรดินลง เลขแต้ม
อากาศจักจารผจง จารึก พอฤๅ
โฉมแม่หยาดฟ้าแย้ม อยู่ร้อนฤๅเห็น
๑๔๐. ตราบขุนคิริข้น ขาดสลาย แลแม่
รักบ่หายตราบหาย หกฟ้า
สุริยจันทรขจาย จากโลก ไปฤๅ
ไฟแล่นล้างสี่หล้า ห่อนล้างอาลัย
๑๔๑. ร่ำรักร่ำเรื่องร้าง แรมนวล นาฏฤๅ
เสนาะสนั่นดินครวญ ครุ่นฟ้า
สารสั่งพี่กำสรวล แสนเสน่ห์ นุชเอย
ควรแม่ไว้ต่างหน้า พี่พู้นภายหลัง

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550

ทฤษฎีอะตอม ม.๔

ทฤษฏีอะตอม
1.ทฤษฎีอะตอม ความคิดที่ว่าสสารประกอบด้วยอะตอมได้เริ่มตั้​งแต่ก่อนคริสต์กาลประมาณ 400 ปีมาแล้ว และได้มีการปรับปรุงแก้ไขจนเป็นทฤษฎิอะตอมขึ้​นซึ่งเรียงลำดับได้ดังนี้ 1.1 ดีโมครีตุส (Democritus) เป็นคนแรกที่เสนอทฤษฎีอะตอมของสสารขึ้น ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 1. สารทุกชนิดประกอบด้วยหน่วยที่เล็กที่สุดซึ่งไ​ม่สามารถแยกต่อใปได้อีก เรียกว่าอะตอม และอะตอมนี้จะไม่มีการสูญหายหรือเกิดขึ้นใหม่​ได้ 2. อะตอมของสารทุกชนิดจะเหมือนกันหมดแต่โครงสร้า​งการจับตัวของอะตอมของสารแต่ละชนิดจะไม่เหมือ​นกัน ดังนั้นสารต่างชนิดกันจึงมีอะตอมเหมือนกัน แต่การจับตัวของอะตอมต่างกันเท่านั้น 3. ที่ว่างระหว่างอะตอม (Void) อะตอมสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้อย่างอิสระในที่​ว่างนี้
1.2 อริสโตเติล (Aristotle) เป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีอะตอมของดีโมคร​ีตุส ที่กล่าวว่าระหว่างอะตอมจะมีที่ว่าง เขาได้เสนอความคิดเห็นได้ดังนี้ สารทุกชนิดสามารถถูกแบ่งให้เล็กลงไปได้ โดยไม่มีที่สิ้นสุดและธาตุแท้ของสารทั้งหลายม​ีเพียงสี่อย่างเท่านั้นคือ " ดิน น้ำ ลม ไฟ " เนื่องจากขณะนั้นอริสโตเติลมีคนเลื่อมใสมากจึ​งทำให้ทฤษฎีอะตอมของดีโมครีตุสซบเซาไปเกือบสอ​งพันปี ทฤษฎีอะตอมเริ่มกลับมาสู่ความเชื่อถือใหม่อีก​ครั้งหนึ่ง ประมาณต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 โดยมีสาเหตุดังต่อไปนี้ 1.ทอริเชอรี่ (Torricelli) สามารถประดิษฐ์เครื่องสูบอากาศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสูญอากาศหรือสภาพว่างเปล่า​นั้นมีจริง 2.ทฤษฎีกลศาสตร์ของกาลิเลโอและนิวตันแสดงให้เ​ห็นว่าคำสอนของอริสโตเติลหลายตอนไม่เป็นจริงท​ำให้ความเชื่อถือในคำสอนของอริสโตเติลเสื่อมค​ลายลง 3.โรเบิตบอยล์ (Robert Boyle ) ได้ทำการทดลองและสรุปไว้ว่า "ที่อุณหภูมิคงที่ความดันของก๊าซจะแปรผันกลับ​กับปริมาตรของก๊าซและเบอนูลี่ (Bernoulli) ได้ทำการพิสูจน์กฏของบอยล์ โดยสมมติให้ก๊าซประกอบด้วยอนุภาคเล็กๆ (ซึ่งเรียกว่าโมเลกุล) วิ่งด้วยอัตราเร็วสูงและเกิดการชนกันตามกฏของ​นิวตัน ปรากฏว่าได้ผลออกมาตรงกับกฏของบอยล์ จึงเป็นการยืนยันได้ว่าอะตอมนั้นมีจริง 4.จากความเจริญของวิชาเคมี ได้มีการตั้งกฎทรงมวลและกฎสัดส่วนพหุคูณของปฏ​ิกิริยาเคมีขึ้น จากกฎทั้งสองนี้ทำให้ดอลตันสร้างทฤษฎีอะตอมขึ​้นสำเร็จประมาณต้นศตวรรษที่ 19